วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สรุปประเด็นที่ได้จากวงเหล้าชาวบ้านไพรพะยอม

บันทึกเรื่องราวหรือไอเดียดีๆที่ผุดขึ้นมาในวงเหล้าของคนบ้านไพรพะยอม ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่ที่คุยกันแล้วจะทิ้งไปไม่มีการติดตาม

15/08/2017 สรุปประเด็นเสวนา
1.การเครียเรื่องผลประโยชน์และหนี้สิน
2.การวางระยะห่างความสัมพันธ์(อธิบายยากนะ)
3.เทคนิคการอยู่ร่วมกัน(เกมที่วินกันทุกฝ่าย)
4.การกระตุ้นให้เกิดงาน(จุดประกายความคิดให้คน)
5.การคอยช่วยเหลือสังคมอย่างเงียบๆ
5.จำบ่ได้.คงต้องมีไฟ้ท์หน้า

24/08/2017 ปอลอทูเดย์
ปล1.การช่วยเหลือกันของชาวบ้านไพรพะยอมที่ไม่มีระบบระเบียบทำให้เกิดภาวะพันละวนอนละเวง
ปล2.ปลวกที่เราพยามหาทางกำจัดมันมานาน แต่ถ้าลองศึกษาเข้าใจมันก็ทำให้รวยได้ นะจ๊ะ
ปล3.จังหวะชีวิตจะช่วยแบ่งเบาความสามารถ ถ้าจังหวะดีไม่ต้องสามารถเยอะก็สำเร็จได้
ปล4.แนะเปลี่ยนซื่อบริษัทเพื่อขยายงานให้เฉพาะทางมากจึ้น(เขียนให้งง)
ปล5.สังเกตุวีถึซีพีเวย์.ในเรื่องที่ดีและไม่ดี ต้องคิดเองไม่มีในตำราและอย่าตกเป็นเหยื่อ

31/08/2017 Meeting evening
#ในองค์กรมักมีการเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานทั้งดีขึ้นและแย่ลงจะแก้ยังไง(เช่นสร้างเจนเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมาแทน)
#การเสวนาในวงเหล้าหากเป็นผู้ฟังอย่างเดียว อาจจะทำให้จำเรื่องราวไม่ค่อยได้(ต้องจด)
#หากสังเกตุคนรวยถึงจะเห็นใช้เงินฟู่ฟ่าบางครั้งแต่การใช้เงินปรกตินั้นจะมัธยัสกว่าเรามากๆ
#ย้ำเรื่องการเปลี่ยนซื่อ.เพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัท

07,08/09/2017 Dusk associate
#dnaพ่อแม่สู่ลูกนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของพ่อแม่ในช่วงก่อนให้กำเนิดด้วย
#ปัญหาความมุ่งมั่นของคนบ้านเราจะแก้ไขได้ยังไง(เราก็มีปัญหานี้)
#การเริ่มทำธุรกิจนั้นอาจจะไม่ต้องเก่งในงานมากหรือใช้เงินมาก แค่วางแผนให้ธุรกิจอยู่ได้นานๆ(เกิน3ปี)
#งานโครงการหรือบริษัทใหญ่ๆมักลดพนักงานประจำแล้วใช้เกมไฟลนก้นจี้ให้งานเดิน
#ถ้าติดต่องานสะดุดในเรื่องข้อมูลให้พูดดึงไปเรื่องอื่นก่อนแล้วคิดหาคำตอบ(แยกประสาทให้ได้)
#พยายามคิดหาทางเผื่อไว้ หากงานที่ทำอยู่มีปัญหาซบเซา

Administrator
25-August-2017

วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

นิยามของปรัชญาและความหมาย

การนิยามความหมายของคำว่า “Philosophy” มีลักษณะตามที่กล่าวมาแล้วเฉพาะตอนต้นของสมัยกรีกเท่านั้น ต่อมาความหมายของปรัชญาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของแนวความคิด และสภาวะแวดล้อม

นักปรัชญาบางคน ให้ความหมายอันแท้จริงของปรัชญาว่า หมายถึงหลักแห่งความรู้และความจริงอันสูงสุด อันเป็นอันติมะ ส่วนนักปรัชญาบางกลุ่มก็นิยามความหมายว่า ปรัชญา คือความรู้ที่สากลและจำเป็น (Universal and Necessary Knowledge) ที่บอกว่าเป็นความรู้ที่สากล (Universal Knowledge) เพราะเป็นความรู้ที่ใช้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ที่บอกว่าเป็นความรู้ที่จำเป็น (Necessary Knowledge) เพราะเป็นความรู้ที่จำเป็นต้องรู้และจำเป็นสำหรับสรรพวิชา เนื่องจากวิชาทั้งปวงต้องมีปรัชญาเป็นหลัก

ด้วยเหตุที่ปรัชญามีลักษณะกว้างมาก จึงมีนักปรัชญาและนักภาษาศาสตร์หลายท่าน ตั้งแต่สมัยโบราณ จนกระทั่งปัจจุบัน ที่พยายามจะนิยามความหมาย หรือให้ข้อจำกัดความของคำว่า “ปรัชญา” เอาไว้ อาทิเช่น

เพลโต้(Plato) กล่าวว่า “ปรัชญา คือการศึกษาหาความรู้เรื่องสิ่งที่เป็นนิรันดรและความเป็นจริงของสิ่งเหล่านั้น หรือธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งทั้งหลาย กล่าวคือปรัชญามุ่งที่จะให้รู้สิ่งที่เป็นนิรันดรและธรรมชาติแท้จริงของสิ่งทั้งหลาย”

อริสโตเติ้ล (Aristotle) กล่าวว่า “ปรัชญา เป็นศาสตร์ที่ค้นคว้าหาความแท้จริงของสิ่งที่มีอยู่โดยตัวเอง”
ค้านท์ (Immanuel Kant) กล่าวว่า “ปรัชญา คือศาสตร์ที่ว่าด้วยความรู้และการวิเคราะห์วิจารณ์หรือการตรวจสอบความรู้”
เจมส์ (William James) กล่าวว่า “ปรัชญา คือหลักการที่ใช้อธิบายความเป็นมาของสิ่งทั้งปวง โดยไม่มีการยกเว้น”
คองท์ (Auguste Comte) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า “ปรัชญา คือศาสตร์แห่งศาสตร์ทั้งปวง”
สิทธิพร (Sittiporn Sornpanya) กล่าวว่า "ปรัชญาคือการไขปริศนาธรรมชาติ ที่มีอยู่มาช้านาน"

ศรัณย์ วงศ์คำจันทร์ ให้ข้อจำกัดความของปรัชญาเอาไว้ว่า “ปรัชญา คือวิชาที่ว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริงของสิ่งต่าง ๆ ในโลก พยายามค้นหาเหตุผล ความรู้ที่แท้จริงแน่นอน ที่สามารถอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ เป็นวิชาที่แสดงออกให้เห็นถึงความคิดและวิวัฒนาการแห่งความคิดของมนุษย์อีกด้วย เพราะนักปรัชญามีอิสระที่จะคิด ค้นคว้าสิ่งต่าง ๆ ตามประสบการณ์ ความเชื่อ และความยึดถือของตน”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมี แท่นแก้ว และสถาพร มาลีเวชพงศ์ ให้ข้อจำกัดความของปรัชญาเอาไว้ว่า “ปรัชญา คือวิชาที่คิดหาเหตุผลตามหลักตรรกวิทยาเพื่อเข้าถึงความจริง”

ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ข้อจำกัดความของปรัชญาเอาไว้ว่า “ปรัชญา คือวิชาที่ว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง”

ในหนังสือสารานุกรมชุดเวิลด์บุ๊ค (The World Book Encyclopedia) ได้ให้ความหมายว่า “ปรัชญา คือการศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ และสภาวะการดำรงอยู่ของมนุษย์ในจักรวาล”

จากการนิยามความหมายหรือข้อจำกัดความเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า ปรัชญาคือหลักแห่งความรู้และความจริง หลักแห่งการแสวงหาความรู้ แสวงหาความจริง และหลักแห่งการค้นคว้าหาเหตุผลและหามาตรการในการตัดสินเกี่ยวกับธรรมชาติ หรือความแท้จริงของสรรพสิ่งในโลก

ปรัชญา จึงมีลักษณะครอบคลุมศาสตร์ทั้งปวง ในปัจจุบันจึงไม่นิยมที่จะให้คำจำกัดความของปรัชญา แม้จะมีอยู่ก็มีลักษณะที่กว้างที่สุด เช่น ปรัชญา เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักการ (Science of Principle) ซึ่งมีลักษณะที่กว้างมาก เพราะหลักการ หรือทฤษฎีนั้น เป็นหัวใจของศาสตร์ทุกแขนง ด้วยเหตุที่ว่าศาสตร์ใดขาดหลักการหรือหลักปรัชญา ก็ย่อมเป็นศาสตร์ไม่ได้ นักปราชญ์ท่านจึงกล่าวว่า ไม่มีศาสตร์ใดจะสมบูรณ์ ถ้าขาดหลักปรัชญา (No Science is complete without Philosophy)

เมื่อเป็นเช่นนั้น เราอาจสรุปได้ว่า ปรัชญาเป็นความรู้ที่สากลและจำเป็น กล่าวคือใช้ได้กับทุกวิชา และทุกวิชาต้องมีหลักปรัชญาด้วย

Administrator
Sittiporn Sornpanya
10-08-2017

แนวคิดให้จิตสงบและห่างทุกข์

แนวคิดให้จิตสงบและห่างทุกข์

การฝึกจิตใจของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านให้มีสมาธิและสติอยู่ตลอดเวลาเป็นโอวาทสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ป. อ. ปยุตฺโต)ได้ชี้แนะให้ลองฝึกควบคุมจิตใจของตัวเอง และเมื่อทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเองจิตใจเราจะได้สงบและไม่เป็นทุกข์
1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป
2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว
 5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติ ว่าอะไรๆก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย
6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา
7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน
8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละและยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมด เพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น
9.ไม่มีใครที่ใหนในโลกที่จะประเคนแต่ความสุขให้จนวันตาย หมายความว่า ชีวิตคนเรานั้นย่อมมีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไปจะหนักบ้างเบาบ้างก็ค่อยๆปรับกันไป พยายามปล่อยวางบ้าง ข้อนี้ข้าพเจ้าเขียนเพิ่มเติมเอง

อ่านแล้วหากเห็นด้วยก็ลองปฏิบัติดูครับ ผลย่อมเกิดกับตัวท่านเอง

Administrator
Sittiporn Sornpanya
10-08-2017